ภายใต้การคุมทัพของ ชูเซ มูรินโญ ซึ่งดาวเตะไอวอรีโคสต์ ยกให้กุนซือโปรตุกีสคือคนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างมหาศาล
เพราะเพียงแค่ปีแรกทั้งมูรินโญ และดร็อกบา ก็ร่วมกันสร้างบันทึกบทใหม่พา “สิงโตน้ำเงินคราม” ซิวแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 50 ปี ต่อจากหนแรกที่ทีมสอยแชมป์ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกยังใช้ชื่อดิวิชั่น 1 เดิมดร็อกบา ประสบคามสำเร็จเป็นแชมป์ลีกเพิ่มอีก 2 สมัย ตลอด 8 ปีแรกที่ลงรับใช้เชลซี พ่วงด้วยแชมป์เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีกคัพ อีก 2 เที่ยว ก่อนโบกมือลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ คำรบแรกหลังก้าวถึงจุดสูงสุดกับตำแหน่งเจ้ายุโรป โดยสถานีต่อมาของดาวยิงระดับขึ้นหิ้งสิงห์บลูส์ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ซึ่งเจ้าตัวได้อยู่ล่าตาข่ายบนแผ่นดินเอเชีย 1 ปี ก่อนรีเทิร์นยุโรปกับกาลาตาซาราย อีก 2 ฤดูกาล กระทั่งตบเท้าสู่รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นคำรบที่สองฤดูกาล 2014-15 ภาค 2 ของดาวยิงกาฬทวีป ไม่เปรี้ยงเหมือนตอนเปิดตัว เมื่อกระทุ้งตาข่ายไปเพียง 7 ลูก แต่สุดท้ายก็ยังปิดฉากด้วยตำแหน่งแชมป์ลีกสมัยที่ 4 และลีกคัพ สมัย 3 ก่อนจากลากันอย่างถาวรตอนจบซีซั่นในฐานะดาวยิสูงสุดตอดกาลลำดับที่ 4 ของสโมสร 164 ประตูบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง ดร็อกบา มาเผชิญโชคที่เมืองมะกันกับมอนทรีล อิมแพ็ค เป็นทีมแรก กระทั่งมาลงเอยกับ ฟีนิกซ์ ไรซิง เป็นทีมสุดท้ายส่วนผลงานในนามทีมชาติหัวหอกกัปตันทีมฝากผลงาน 65 ประตู จาก 105 เกม ครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทัพช้างดำ ผ่านเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 3 หน (เวิลด์ คัพ 2006, 2010 และ 2014) พร้อมกับตำแหน่งดาวเตะแห่งปีแดนกาฬทวีปอีก 2 สมัย“ผมเลือกปิดฉากเส้นทางอันสวยงามไว้ตรงนี้ เพื่อที่ต่อไปผมจะได้มีโอกาสพัฒนาผู้เล่นในระดับเยาวชน” ดิดิเยร์ ดร็อกบา เผยถึงอนาคตจากนี้กับ บีบีซี สื่อของอังกฤษ
เพิ่มเติม >> https://www.formation-securite.net/%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9/
No comments:
Post a Comment