Thursday, September 26, 2019

ครูคือโค้ชคนแรก : โครงการอบรมโค้ชเบื้องต้น บนความร่วมมือของสมาคมฯ กับสพฐ.

House of Thai Football จะกล่าวถึงการอบรมหลักสูตรโค้ชเบื้องต้นแก่อาจารย์ในสังกัดโรงเรียน สพฐ. ทั่วประเทศ 



การที่เกมลูกหนังแต่ละชาติจะพัฒนาได้นั้น ผู้ฝึกสอนถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง  ถ้ามีผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมอย่างมีมาตรฐาน ก็จะสามารถถ่ายทอดศาสตร์ฟุตบอลให้กับนักกีฬาได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ฝึกสอนระดับเยาวชน เพราะหากเด็กๆ ได้รับการปลูกฝังด้านทักษะตั้งแต่ยังเล็ก ก็จะซึมซับความเข้าใจเกมได้เร็ว และสามารถต่อยอดเทคนิคไปยังระดับที่สูงขึ้นไปได้อีกในอนาคต อย่างประเทศไอซ์แลนด์ ที่มีประชากรเพียง 357,000 คน แต่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ไอซ์แลนด์สร้างสถิติเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุด ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก ก็เพราะมีโค้ชที่ผ่านอบรมไลเซนส์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น มีโค้ชที่ถือไลเซนส์กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 150,000 คน ส่วนในเกาหลีใต้ โค้ชที่จะสอนผู้เล่นเยาวชนในระดับ U12 จะต้องมีประกาศนียบัตรระดับ ซี ไลเซนส์ ขณะที่ทีมระดับ U18 จะต้องเป็นระดับตั้งแต่ บี ไลเซนส์ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้เอง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จึงได้ร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) ในการจัดอบรมโค้ชหลักสูตรเบื้องต้น FA Thailand Introductory Course ให้กับครูในสังกัดโรงเรียน สพฐ. ทั่วประเทศ เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนต่างๆ ได้รับการสอนฟุตบอลในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะครูคือโค้ชคนแรกของเด็ก หากเด็กซึมซับวิธีการเล่นฟุตบอลที่ถูกต้อง มีมาตรฐาน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วประเทศ พวกเขาก็จะมีความเข้าใจเกมไปในแบบเดียวกัน ไอซ์แลนด์โมเดล ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจะทำให้นักเตะมีฝีเท้าดีได้นั้น แม่พิมพ์คือเรื่องสำคัญ เพราะเหตุนี้สมาคมฟุตบอลของไอซ์แลนด์ จึงเน้นไปที่การสร้างโค้ชให้มีคุณภาพตลอด 17 ปีที่ผ่านมา พวกเขาทำโครงการฝึกอบรมโค้ชทั่วประเทศ โดยในปี 2016 ที่ไอซ์แลนด์ได้ไปเล่นยูโรครั้งแรกนั้น พวกเขามีโค้ชที่มีไลเซนส์เกือบ 600 คน จากประชากรทั้งหมด 335,000 คน เป็นโปร ไลเซนส์ 15 คน เอ ไลเซนส์ ราว 180 คน ส่วนอีก 400 คนถือ ยูฟ่า บี ไลเซนส์ ดังนั้นประชากรของไอซ์แลนด์ทุกๆ 800 คน จะมีโค้ชระดับ บี ไลเซนส์ 1 คน และคนที่ถือไลเซนส์ของยูฟ่านั้น มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นครู สำหรับโค้ชบี ไลเซนส์ สมาคมฟุตบอลไอซ์แลนด์ จะทำการแบ่งไปสอนในระดับ 10 ขวบขึ้นไป ส่วนอีกกลุ่มก็เทรนในรุ่นอายุที่ต่ำลงมา นั่นทำให้แม้แต่เด็ก 4-5 ขวบ หรือแม้แต่ 3 ขวบ ก็ได้เรียนกับโค้ชระดับมืออาชีพ โดยโค้ชเหล่านี้ จะมีการสอนฟุตบอลให้ปีละ 11 เดือน สัปดาห์ละ 6 ครั้ง ซึ่งทางผู้ฝึกสอนจะจ่ายเงินเป็นรายปีในราคาที่ถูก เนื่องจากไม่ได้ทำเพื่อแสวงหากำไร จึงทำให้เด็กท้องถิ่นมีพื้นฐานแน่น และเทคนิคที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย แทนที่จะเน้นความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นหลักเพียงอย่างเดียวเหมือนก่อน มาตรฐานญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ สำหรับประเทศญี่ปุ่น จะให้ความสำคัญกับเยาวชนมาก โดยมีการกำหนดให้โค้ชที่จะคุมทีมระดับมัธยมปลายหรือไฮสคูล จะต้องถือบีไลเซนส์ นั่นทำให้การแข่งขันระดับอินเตอร์ไฮจึงมีมาตรฐานสูง ขณะที่ไลเซนส์ในระดับ ซี, ดี และหลักสูตรโค้ชเยาวชน จะเป็นหลักสูตรที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่อยากเรียนโค้ช โดยสามารถฝึกสอนเด็กๆ ในระดับรากหญ้า รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี หรือสอนตามโรงเรียนอนุบาล ไปจนถึงระดับประถมศึกษา นั่นจึงทำให้เด็กเติบโตมา ด้วยความเข้าใจเกม ไปในทิศทางเดียวกัน เช่นเดียวกับในเกาหลีใต้ ที่โค้ชในระดับประถมศึกษา จะต้องถือซี ไลเซนส์ เป็นอย่างน้อย ขณะที่ระดับมัธยมศึกษา โค้ชต้องจบ บี ไลเซนส์ และมหาวิทยาลัย ผู้ฝึกสอนจะต้องมีเอ ไลเซนส์ เทียบเท่ากับทีมฟุตบอลอาชีพ ในประเทศไทย ปัจจุบัน มีผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเบื้องต้น หรือ FA Thailand Introductory Course ไปแล้วกว่า 1,700 คน โดยผู้ถือไลเซนส์นี้ จะสามารถคุมทีมในยูธ ลีก เช่นเดียวกับสอนเด็กๆ ในระดับรากหญ้าได้ และสามารถต่อยอดสู่การอบรมผู้ฝึกสอนในคอร์สต่างๆ ที่สูงขึ้น สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่างสมาคมฯ และสพฐ. คือการให้ครูทั่วประเทศได้รับการอบรมพื้นฐานฟุตบอลเบื้องต้น ที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้พวกเขาได้นำความรู้ไปสอนเด็กๆ ให้ทักษะ และความเข้าใจเกมที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสมาคมฯ และสพฐ. มีแผนจัดหลักสูตรกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาค ด้วยความหวังที่จะให้เยาวชนได้รับการซึมซับ ปลูกฝัง วิธีการเล่นฟุตบอลอย่างถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้เด็กๆ เหล่านั้นต่อยอดไปสู่การเล่นฟุตบอลในระดับที่สูงขึ้นต่อไป

อ่านต่อ >> สมัครยูฟ่าเบท

Monday, September 23, 2019

UFABET 5 อันดับ ดาวเด่น พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ที่ 6


1. เจมส์ แมดดิสัน คืนฟอร์มเก่ง ซัดประตูชัยพา จิ้งจอกสยาม รั้งอันดับ 3 ของตาราง สังกัด เลสเตอร์ ซิตี้ อายุ 22 ปี ตำแหน่ง กองกลาง ทีมชาติ อังกฤษ
กลับมาทำประตูได้อีกครั้งหลังจากที่อัดอั้นมานานสำหรับกองกลางเมืองผู้ดี ที่ก่อนหน้านี้ทำสถิติที่ไม่น่ายินดีนักเอาไว้คือ เป็นนักเตะที่สร้างโอกาสยิงให้ตัวเองได้มากที่สุด (31 ครั้ง) แต่ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ ซึ่งมาปลดล็อกได้สำเร็จในเกมนี้ชนิดที่ว่าถูกที่ถูกเวลาแบบสุด ๆ เพราะเป็นประตูชัยสุดสวยช่วงท้ายเกม ช่วยให้ เลสเตอร์ พลิกล็อกเอาชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไปได้อย่างสุดมัน 2-1 ขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางเป็นที่เรียบร้อย


2. คริส วูด กด 2 เม็ด ช่วย เบิร์นลีย์ สอนเชิงน้องใหม่ 2-0 Chris Wood สังกัด เบิร์นลีย์  อายุ 27 ปี ตำแหน่ง กองหน้า ทีมชาติ นิวซีแลนด์
ยังคงเป็นกองหน้าที่พึ่งพาได้เหมือนเดิมสำหรับหัวหอกชาวนิวซีแลนด์ ที่แม้จะพึ่งทำประตูแรกของซีซั่นได้ในเกมนี้ แต่ก็เป็น 2 ประตูช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะเหนือ นอริช ไปได้ 2-0 แบบชนิดที่ว่าอัตราครองบอล-ต่อบอลน้อยกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าบอลสไตล์โอลด์สคูลของ เบิร์นลีย์ ไม่ต้องการใช้จังหวะต่อบอลให้เสียเวลา พวกเขาเพียงแค่จ่ายบอลให้ปีกและโยนเข้ามาหวังผลในเขตโทษ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันก็ยังใช้การได้ดีอยู่ หากทีมมีกองหน้าร่างสูงใหญ่ที่เชี่ยวชาญการเล่นลูกกลางอากาศอย่าง แอชลีย์ บาร์นส์ และ คริส วูด นั่นเอง


3. เควิน เดอ บรอยน์ ฟอร์มยังคงร้อนแรง ทั้งยิงทั่งจ่าย ช่วยเรือใบ สร้างสถิติใหม่สโมสร สังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อายุ 28 ปี ตำแหน่ง กองกลาง ทีมชาติ เบลเยียม
8-0 เป็นสกอร์ที่ แมนฯ ซิตี้ ยิงทีมคู่แข่งขาดที่สุดนับตั้งแต่ลีกสูงสุดเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก ในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่ามิดฟิลด์หน้าอ่อนชาวเบลเยียม เป็นส่วนสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ด้วยผลงานยิง 1 แอสซิสต์อีก 2 เท่ากับว่าฤดูกาลนี้เขาทำไปแล้วทั้งสิ้น 7 แอสซิสต์ จาก 6 เกมเท่านั้น ช่วยให้เรือใบสีฟ้าทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 และยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
4. แบร์นาโด้ ซิลวา กับแฮตทริกแรกในลีกสูงสุด สังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อายุ 25 ปี ตำแหน่ง กองกลาง ทีมชาติ โปรตุเกส
ยังอยู่ในเกมที่ เรือใบสีฟ้า เปิดบ้านถล่ม วัตฟอร์ด 8-0 เมือคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะข้ามไปไม่ได้เลยคือ แฮตทริกของ แบร์นาโด้ ซิลวา ตัวรุกขวัญใจแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ ซึ่งทำ 3 ประตูได้ในเกมนี้ และกลายเป็นแฮตทริกแรกบนลีกสูงสุดของทุกประเทศที่กองกลางชาวโปรตุกีสเคยค้าแข้งมานับตั้งแต่เริ่มเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ถือเป็นเป็นวันที่น่าจดจำอีกวันหนึ่งของอดีตมิดฟิลด์จากโมนาโก เพราะเขาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในเกมที่ถล่มคู่แข่งขาดลอยที่สุดให้สโมสรเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แห่งนี้อีกด้วย
5. มัตเตโอ เกนดูซี ฟอร์มโดดเด่น พาปืนใหญ่ โกงความตาย สังกัด อาร์เซนอล อายุ 20 ปี ตำแหน่ง กองกลาง ทีมชาติ ฝรั่งเศส
ปืนใหญ่ 10 คน พลิกกลับมาเอาชนะน้องใหม่ แอสตัน วิลลา 3-2 ชนิดที่โดนนำถึง 2 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ อาร์เซนอล คัมแบ็คกลับมาชนะได้นั้นคือ เจ้าฟูเล็ก มัตเตโอ เกนดูซี ลูกรักของ อูไน เอเมรี รายนี้นั่นเอง ด้วยหน้าที่ที่ต้องคุมจังหวะในแดนกลางและคอยสร้างสรรค์เกมไปในเวลาเดียวกัน เขามีส่วนร่วมถึง 2 ประตู โดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัวในการลากเลี้อยและการจ่ายบอล แถมยังวิ่งขึ้น-ลงตลอดทั้งเกมชนิดที่เรียกได้ว่าแรงไม่มีหมด ดังนั้น หากจะยกเครดิตให้ใครสักคนในเกมนี้ หนึ่งในรายชื่อแรก ๆ จะต้องเป็นดาวรุ่งดีกรีทีมชาติฝรั่งเศษคนนี้อย่างแน่นอน

อ่านต่อ >> UFABET